ในเมื่อน้ำมันคือหัวใจสำคัญของการค้าระหว่างประเทศ ไม่น่าแปลกใจนักที่ราคาน้ำมันดิบจะร่วงลงท่ามกลางความตึงเครียดที่เพิ่มขึ้นจากสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับจีน นับตั้งแต่ที่ทรัมป์ประกาศขึ้นภาษีวันปลดแอก ซึ่งมีการเรียกเก็บภาษีจากสินค้าจีนสูงสุดถึง 145% ราคาน้ำมันดิบเบรนท์และ WTI ก็ร่วงลงเฉลี่ยเกือบ 20% และในวันนี้ (08/05) ราคาก็ได้ลงไปแตะระดับต่ำสุดในรอบหลายปีที่ $61.41 และ $58.43 ตามลำดับ สถานการณ์น่าวิตกมากยิ่งขึ้นในช่วงเซสชัน การซื้อขายของเอเชียในวันที่ 5 พฤษภาคม เมื่อราคาฟิวเจอร์สน้ำมันทั้งเบรนท์และ WTI ตกลงไปแตะระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2021 โดยไปแตะจุดต่ำสุดที่ $58.50 และ $55.53 ต่อบาร์เรลตามลำดับ
แม้ว่าช่วงฤดูกาลขับขี่กำลังจะมาถึง การที่ราคาน้ำมันยังไม่สามารถฟื้นตัวได้ถือเป็นเรื่องผิดปกติ แต่ก็ยังมีปัจจัยลบต่อทรัพยากรพลังงานนี้ ทั้งการเพิ่มกำลังการผลิตของ OPEC+ และนโยบายต่อต้านการค้าที่สหรัฐฯ ยังคงดำเนินต่อไปแม้จะมีการประกาศเริ่มเจรจาการค้าในสวิสเซอร์แลนด์ช่วงสุดสัปดาห์นี้ ส่วนผสมที่ลงตัวของภาวะอุปทานล้นตลาดและความไม่แน่นอนของอุปสงค์กำลังเป็นตัวฉุดราคาน้ำมันดิบอย่างหนัก แล้วปัจจัยเหล่านี้จะส่งผลกระทบในเชิงลึกอย่างไร? และทิศทางราคาน้ำมันในช่วงที่เหลือของปีนี้จะเป็นอย่างไร?
สิ่งดี ๆ ที่มากเกินไป
เมื่อคำนึงถึงความไม่แน่นอนด้านการค้าและฝั่งผู้ผลิต เราก็ถือได้ว่าอุปทานอยู่ในระดับสูงแล้ว แต่ในตอนนี้ OPEC+ ได้ตัดสินใจเพิ่มกำลังการผลิตเร็วกว่าที่วางแผนไว้ สิ่งนี้ก็ยิ่งสร้างความกังวลว่าจะเกิดภาวะอุปทานล้นตลาด ซึ่งอาจฉุดราคาน้ำมันให้ร่วงลงต่อไปอีก เมื่อวันที่ 3 พฤษภาคม สมาชิก OPEC+ แปดประเทศตกลงกันที่จะเพิ่มกำลังการผลิตรวม 411,000 บาร์เรลต่อวันในเดือนถัดไป ซึ่งเป็นการเร่งแผนการยกเลิกการลดกำลังการผลิตที่เริ่มต้นในเดือนเมษายน ภายในเดือนมิถุนายน ยอดการเพิ่มกำลังการผลิตสะสมจะอยู่ที่ 957,000 บาร์เรลต่อวัน ซึ่งจะยิ่งกดดันราคาน้ำมันที่อ่อนแออยู่แล้วจากสภาพการค้าระหว่างประเทศที่ถดถอย
ในการแถลงการณ์หลังการตัดสินใจ OPEC+ ได้ระบุว่า "การเพิ่มกำลังการผลิตอย่างค่อยเป็นค่อยไปอาจหยุดลงหรือกลับด้านได้ขึ้นอยู่กับสภาพตลาดที่เปลี่ยนแปลงไป สิ่งนี้จะเปิดโอกาสให้กลุ่มสามารถสนับสนุนเสถียรภาพของตลาดน้ำมันได้ต่อไป" ซึ่งถือเป็นพื้นที่ให้สามารถปรับกลยุทธ์ได้ หากไม่สามารถแก้ไขปัญหาฝั่งอุปสงค์ได้ ข่าวดีเล็ก ๆ สำหรับนักลงทุนในตลาดน้ำมันคือ ระดับน้ำมันสำรองของสหรัฐฯ เริ่มลดลงจากระดับสูงสุด โดยในสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 25 เมษายน EIA ได้รายงานว่า ระดับน้ำมันดิบคงคลังเชิงพาณิชย์ (ไม่รวมน้ำมันสำรองเชิงยุทธศาสตร์) ลดลง 2.7 ล้านบาร์เรล เหลือ 440.4 ล้านบาร์เรล ซึ่งลดลงต่ำกว่าค่าเฉลี่ยห้าปีของช่วงเวลาเดียวกันนี้ถึง 6% ทั้งที่นักวิเคราะห์จาก Wall Street Journal คาดไว้ว่าระดับน้ำมันดิบนี้จะเพิ่มขึ้น 100,000 บาร์เรล ในระยะสั้น สิ่งนี้อาจช่วยลดแรงกดดันต่อราคาน้ำมันได้บ้าง แต่หากเราต้องการเห็นแนวโน้มขาขึ้นในระยะยาว การเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีนจะต้องมีพัฒนาการในเชิงบวก
ยอมให้กับอุปสงค์
เมื่อเราพิจารณาว่าอุปทานในตลาดน้ำมันมีระดับที่มากเกินพอแล้ว — เว้นแต่จะมีเหตุการณ์ทางทหารเกิดขึ้นจากผู้ผลิตรายใหญ่อย่างอิหร่าน — อุปสงค์จะเป็นตัวกำหนดทิศทางราคาน้ำมันในระยะกลาง จากการคาดการณ์ของ IEA ประจำเดือนเมษายน การเติบโตของอุปสงค์น้ำมันทั่วโลกในปี 2025 ได้ถูกปรับลดลง 300,000 บาร์เรลต่อวัน เหลือ 730,000 บาร์เรลต่อวัน เมื่อเทียบแบบเดือนต่อเดือน และคาดว่าจะมีการชะลอตัวต่อในปี 2026 เหลือ 690,000 บาร์เรลต่อวัน ซึ่งมีลักษณะกับที่ขัดกับอุปทานน้ำมันทั่วโลกในเดือนมีนาคมที่มีระดับเพิ่มขึ้น 590,000 บาร์เรลต่อวัน เป็น 103.6 ล้านบาร์เรลต่อวัน และคาดว่าจะเพิ่มขึ้นอีกหลังจากที่ OPEC+ ประกาศเพิ่มกำลังการผลิตในสัปดาห์นี้
ตัวเลขเหล่านี้ในปัจจุบันอิงจากสถานการณ์ของอุปสงค์ทั่วโลกที่เลวร้ายที่สุด และเมื่ออุปทานมีแนวโน้มจะสูงกว่าอุปสงค์ถึงสองเท่าภายในสิ้นปีนี้ ราคาก็นับว่าน่ากังวลไม่น้อย อย่างไรก็ตาม การเพิ่มกำลังการผลิตของ OPEC+ ล่าสุดนำโดยซาอุดิอาระเบีย ซึ่งได้กล่าวว่าการคาดการณ์อุปสงค์ของ IEA มีอคติและโน้มเอียงไปทางการเปลี่ยนผ่านพลังงาน หลังจากนั้น ประเทศนี้ได้ประกาศขึ้นราคาขายน้ำมันสำหรับตลาดเอเชีย ซึ่งดูเหมือนขัดแย้งกับนโยบายที่จะเพิ่มอุปทาน อย่างไรก็ตาม ในขณะที่การเจรจาระหว่างคณะผู้แทนการค้าสหรัฐฯ และจีนในสวิสเซอร์แลนด์ช่วงสุดสัปดาห์นี้ได้เริ่มต้นขึ้น ซาอุดิอาระเบียอาจกำลังเตรียมการรับมือกับการสิ้นสุดสงครามการค้าและการฟื้นตัวของอุปสงค์ในเอเชียก็เป็นได้ ไม่ว่าผลลัพธ์ของการเจรจาระหว่างรัฐมนตรีการคลังสหรัฐฯ สก็อตต์ เบสเซนต์ กับทางฝ่ายจีนจะออกมาอย่างไร เราต้องระลึกไว้ว่า ภาษีที่มีการประกาศต่อคู่ค้าที่สำคัญรายอื่นของสหรัฐฯ มีการ "ถูกพักไว้ชั่วคราว" จนถึงเดือนสิงหาคม ดังนั้นความเสี่ยงที่อุปสงค์จะแย่ลงยังคงมีอยู่
เทรดน้ำมัน และ CFDs ตัวอื่น ๆ ที่ Libertex
Libertex มีให้บริการ CFD อย่างหลากหลายที่ครอบคลุมหลายสินทรัพย์ ซึ่งรวมถึง ETF และดัชนีสหรัฐ นอกจากนี้ Libertex ยังให้บริการ CFDs ของ พลังงานที่มีความหลากหลาย รวมถึง CFDs ของน้ำมัน เช่น น้ำมันดิบ WTI, Light Sweet, และ Brent หากต้องการดูข้อมูลเพิ่มเติม หรือสร้างบัญชีวันนี้ โปรดไปที่ www.libertex.org/signup